โบท็อกซ์/ฟิลเลอร์/ร้อยไหม

Botox

เป็นวิธีการรักษาที่ทำได้ง่าย ไม่ต้องผ่าตัด สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึกได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว

มารู้จักโบท็อกซ์กันเถอะ
คือสารจากธรรมชาติที่เป็นโปรตีนบริสุทธิ์สกัดจากแบคทีเรียที่มีประโยชน์ชนิดหนึ่งซึ่งจะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่หดตัว โดยหลังการฉีดโบท็อกซ์แล้วตัวยาจะจับตัวกับปลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือน นอกจากนี้ โบท็อกซ์ยังจะช่วยส่งผลปรับลดขนาดกล้ามเนื้อ ช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น หลังจากทำการรักษา กล้ามเนื้อจะรู้สึกผ่อนคลาย ร่องลึกจะเริ่มคลายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ผิวบริเวณนี้เรียบตึง การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถช่วยคงสภาพอยู่ได้ประมาณ 6 ถึง 8 เดือน ขึ้นกับตำแหน่งที่ทำการรักษาและผู้ป่วยแต่ละรายกลไกการทำงานของโบท็อกซ์

กลไกการทำงานของโบท็อก
เมื่อโบท็อกซ์จับกับปลายประสาทสัญญานกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื่อจะไม่มีผล กล้ามเนื้อจะค่อยๆผ่อนคลาย ริ้วรอยต่างๆจะค่อยๆเนียนเรียบขึ้นจากเดิม การฉีดโบท๊อกซ์ที่ถูกวิธีนั้นนอกจากจะไม่ทำให้หน้าคุณดูแข็งเกร็งแล้วคุณยังสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้อย่างเป็นปกติ เพราะโบท๊อกซ์จะทำงานเฉพาะในส่วนของกล้ามเนื้อที่แพทย์ได้เลือกฉีด และการพิจารณาใช้ขนาดยาที่ไม่มาเกินไป ตำแหน่งที่ฉีด รวมถึงระดับความลึกล้วนมีผลต่อความเป็นธรรมชาติทั้งสิ้น นอกจากจะช่วยให้ผิวเรียบตึงขึ้นแล้วโบท็อกซ์ยังสามารถช่วยลดการทำงานในส่วนของกล้ามเนื้อที่เราไม่ต้องการ ซึ่งจะช่วยปรับรูปหน้าของคุณให้เรียวขึ้นได้อีกด้

ขั้นตอนการรักษา
แพทย์จะฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณเพียงเล็กน้อยลงในตำแหน่งที่ต้องการบริเวณกล้ามเนื้อใบหน้าด้วยเข็มที่มีขนาดเล็กมาก ทางคลินิกจะทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีเพื่อระงับปวดและใช้น้ำแข็งประคบในส่วนที่จะทำการฉีด ดังนั้นขณะทำการรักษาผู้เข้ารับบริการจึงไม่รู้สึกเจ็บ

ระยะเวลาการออกฤทธิ์หลังจากฉีดโบท็อกซ์
โดยส่วนมากแล้วโบท็อกซ์จะเริ่มทำงานทันที โดยหลังฉีดโบท๊อกซ์ 2-3 วันจะเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้น และจะเห็นผลเต็มที่ในภายใน 7 วัน สำหรับกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า และประสิทธิภาพของโบท็อกซ์นั้นจะคงอยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือน ถ้าไม่ได้ฉีดโบท็อกซ์ต่อเนื่องริ้วรอยจะกลับมาเท่าเดิมก่อนเริ่มทำการรักษา

ผลข้างเคียงหลังฉีด
ในบางครั้งผู้เข้ารับบริการโบท็อกซ์อาจจะมีอาการปวด มีรอยช้ำเล็กน้อย เฉพาะในบริเวณทั่ฉีดอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ถ้าไม่ได้ฉีดในบริเวณที่เสี่ยงนับว่าเป็นยาที่ผลข้างเคียงน้อยมาก

บริเวณที่สามารถทำการรักษาด้วยโบท็อกซ์
การฉีดโบท็อกซ์นั้นสามารถฉีดได้ในบริเวณที่มีริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ ได้แก่ • หน้าผาก • รอยย่นระหว่างคิ้ว • รอยตีนกา • รอยย่นบริเวณจมูก( Bunny line) • แก้ไขรอยยิ้มเห็นเหงือก( Gummy smile ) • ยกกระชับใบหน้าทั้งหน้า นอกจากนี้ยังใช้เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อและลดการทำงานของต่อมเหงื่อ • ปรับรูปหน้า V shape • ลดขนาดน่อง • ลดเหงื่อบริเวณรักแร้และฝ่ามือ 

ความปลอดภัยของการฉีดโบท็อกซ์
เนื่องจากในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อในเมืองไทย แต่มีบางยี่ห้อเท่านั้นที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยา ดังนั้นการเลือกยี่ห้อที่ผ่านการรับรองและ แพทย์ที่ผ่านการอบรมเทคนิคการฉีดโบท็อกซ์ ย่อมทำให้โบท็อกซ์มีความปลอดภัย

อัตราค่าบริการ
เทางคลินิกใช้ยาที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาเท่านั้น                                                  

  1. ริ้วรอยรอบดวงตา ตีนกา เริ่มต้น 5,000 บาท

  2. ริ้วรอยระหว่างคิ้ว เริ่มต้น 5,000 บาท

  3. ริ้วรอยหน้าผาก,รอยย่นหน้าผาก เริ่มต้น 6,500 บาท

  4. ยกกระชับทั่วหน้า เริ่มต้น 10,000 บาท

  5. ปรับหน้าเรียว,ลดขนาดกราม เริ่มต้น 9,000 บาท

  6. ลดเหงื่อบริเวณรักแร้ เริ่มต้น 12,000 บาท

  7. ลดขนาดน่อง เริ่มต้น 18,000 บาท




Filler

ฟิลเลอร์คือสารเติมเต็ม มีหลายชนิดแบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ ได้แก่ แบบชั่วคราว และแบบถาวร ยาที่ยอมรับว่าปลอดภัยและนิยมใช้แพร่หลายในคลินิกชั้นนำและโรงพยาบาล คือ แบบชั่วคราว ในกลุ่มไฮยาลูโรนิก แอซิด ทั้งนี้เนื่องจากยาในกลุ่มนี้มีข้อดี คือ มีความคงตัวสูง โอกาสไหลย้อยน้อย โอกาสการแพ้น้อยมากเนื่องจากสกัดจากธรรมชาติ โมเลกุลใกล้เคียวกับสารคอลลาเจนในผิวหนัง คุณสมบัติพิเศษอีกข้อหนึ่งคือสามารถดึงน้ำและอุ้มน้ำไว้รอบๆตัว จึงเสมือนมีขนาดโมเลกุลเพิ่มขึ้น และช่วยให้อยู่ในร่างกายได้นานขึ้น

ตำแหน่งที่นิยมรักษาด้วยฟิลเลอร์ ได้แก่
   -  ร่องแก้ม
   -  ร่องน้ำตา
   -  แก้ไขแก้มตอบ
   -  ปรับริมฝีปากให้อวบอิ่ม
   -  เสริมคาง
   -  แก้ไขผิวหนังเหี่ยวย่นบริเวณลำคอ
   -  เพิ่มเนื้อเยื่อบริเวณขมับ

คำแนะนำก่อนทำการรักษาด้วยฟิลเลอร์
1. ควรงดยาและอาหารเสริมบางประเภท เช่น Warfarin, Aspirin เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวม หรือรอยช้ำบริเวณตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ รวมถึงอาหารเสริมบางประเภท เช่น วิตามินอี แปะก๊วย น้ำมันปลา ซึ่งอาจมีผลทำให้แผลช้ำ เลือดหยุดไหลช้า
2. ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ไม่ควรฉีด เพราะอาจส่งผลข้างเคียง                                      

ข้อควรระวัง
ควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมจมูก เนื่องจากตำแหน่งดัวกล่าวมีอุบัติการณ์การเกิดตาบอดได้ ดังนั้นทางคลินิกแนะนำว่าการผ่าตัดเสริมจมูกน่าจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า 

 


       

Thread lift

อายุที่มากขึ้น ทำให้ผิวหน้าที่เคยเต่งตึงเกิดการหย่อนคล้อย แต่ปัจจุบันวิวัฒนาการทางการแพทย์ด้านผิวพรรณและความงามช่วยแก้ไขได้ หนึ่งในวิธีคืนความเต่งตึงให้ใบหน้าก็คือ “การร้อยไหม” เพื่อยกกระชับผิว ไหมละลาย หรือที่เรียกว่า Polydioxanone เรียกสั้นๆ ว่า PDO อยู่ได้นานราว 8- 12 เดือน แล้วละลายไปในผิวหนัง ไม่ทิ้งสิ่งตกค้าง ที่สำคัญไหมพวกนี้เป็นไหมชนิดเดียวกับที่แพทย์ใช้เย็บแผล เย็บหลอดเลือดหัวใจ จึงมีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ปัจจุบันมีไหมรุ่นใหม่เรียกว่า ไหมเกลียว ซึ่งยังคงเป็นไหม PDO เหมือนเดิม แต่ต่างกันที่การเรียงตัวของเส้นไหม ลักษณะของไหมที่มีเงี่ยง สปริง หรือเกลียว จะช่วยเพิ่มแรงดึงที่ผิวได้มากยิ่งขึ้น เมื่อร้อยเข้าไปในผิวหนัง ก็จะเหมือนกับการใช้มือรั้งดึงผิวให้ยกได้มากยิ่งขึ้น หลังทำจึงเห็นผลได้ชัดเจนกว่าการร้อยไหม PDO แบบเรียบๆ ที่สำคัญไหมเงี่ยง ไหมเกลียว ทาง อย.เกาหลีรับรองความปลอดภัยอยู่แล้ว ที่เกาหลีจึงนิยมร้อยไหม PDO แบบไหมเงี่ยง ไหมเกลียวกันมาก ขณะนี้ทางคลินิกมีให้บริการไหมทั้งสองชนิดแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาตามตำแหน่งที่ต้องการแก้ไขของผู้เข้ารับบริการ

การร้อยไหมแก้ไขอะไรได้บ้าง
การร้อยไหม ช่วยในเรื่องการยกกระชับ การปรับรูปผิวและฟื้นฟูสภาพผิวบริเวณที่ทำ ซึ่งถือเป็นทางเลือกใหม่ของผู้ที่ไม่อยากผ่าตัดดึงหน้า 1. ร้อยไหมเพื่อ ยกกระชับหน้าและคอ ให้อ่อนวัย 5-10 ปี ทันทีโดยไม่ต้องผ่าตัด 2. ยกกระชับสัดส่วนหย่อนคล้อยบริวณลำตัว ต้นแขน สะโพก 3. แก้ไข คางสองชั้น กรอบหน้าไม่คมชัด เป็นผลให้แก่กว่าวัย 4. ปรับแต่งปีกจมูกให้แคบลง ดึงยกปลายจมูกให้เชิดขึ้น เพิ่มความคมชัดของดั้งจมูก

เมื่อไรจึงจะเห็นผลหลังจากร้อยไหม
หลังการร้อยไหมละลายคนไข้จะรู้สึกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทันทีและจะเริ่มเห็นผล ชัดเจนมากขึ้นภายใน 1-2 เดือน แต่จะเห็นผลชัดเจนที่สุดเมื่อถึง 6 เดือนและอาจอยู่ได้นาน 1-3 ปี ขึ้นกับการดูแลรักษาของคนไข้ผู้ได้รับการร้อยไหม เช่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดูแลเอาใจใส่เรื่องการทานอาหาร การงดสูบุหรี่งดดื่มเครื่องดืมแอลกอฮอล์และที่สำคัญที่สุดคือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

อัตราค่าบริการร้อยไหม(ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่นในแต่ละเดือน)
                                           10 เส้น ราคา 10,000 บาท
                                           20 เส้น ราคา 19,000 บาท
                                           30 เส้น ราคา 27,000 บาท
                                           40 เส้น ราคา 34,000 บาท
                                           50 เส้น ราคา 40,000 บาท

ประกอบด้วย 5 โปรแกรมด้วยเทคนิคร้อยไหมสไตล์เกาหลี
1. TR Nose lift ยกสันจมูก เสริมแกนจมูก ( 10 เส้น )
2. TR Doubled chin เก็บไขมันใต้คาง ( 20-30 เส้น )
3. TR Lower face lift ยกกระชับใบหน้าส่วนล่าง หย่อนคล้อย ยกมุมปากตก ร่องแก้ม( 30-40 เส้น)
4. TR Upper face lift ยกกระชับหน้าผาก ( 10-20 เส้น)
5. TR Body lift ยกกระชับผิวบริเวณลำตัว หน้าอก สะโพก (เริ่มต้น 30 เส้น)