การรักษาสิว

การรักษาสิว
สิวมักเป็นมากในวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว อาการของสิวแต่ละคนไม่เท่ากัน อาการพบได้ตั้งแต่ไม่รุนแรงนักจนกระทั่งรุนแรงและอักเสบมาก ที่สำคัญคือเมื่อสิวหายไปแล้วยังคงทิ้งร่องรอยไว้ เช่นรอยดำ รอยบุ๋ม รอยนูน หรือแผลเป็นบริเวณที่สิวชื่นชอบมากเป็นพิเศษก็คือ ใบหน้า หน้าอก และหลังซึ่งเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันอยู่เป็นจำนวนมาก โดยสิวสามารถเกิดได้จากหลายๆสาเหตุด้วยกัน อย่างเช่นเมื่อย่างเข้าสู่วัย รุ่นต่อมไขมันจะมีขนาดโตขึ้นและผลิตไขมันมากขึ้น การที่มีเชื้อ P. acnes เป็นจำนวนมากที่บริเวณรูขุมขน ซึ่งจะย่อยสลายไขมันทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและเกิดการอักเสบขึ้น
นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่กระตุ้นให้สิวกำเริบ เช่น การล้างหน้าด้วยสบู่บ่อยๆ หรือการใช้ยาสเตียรอยด์ วิตามินบางชนิด หรือฮอร์โมนเพศชาย รวมถึงการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของลาโนลินและขี้ผึ้ง เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้ทั้งสิ้น ความเครียดก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว เพราะความเครียดจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันหลั่งไขมันออกมามากขึ้น หรือกลุ่มคนที่มีอาชีพที่ต้องสัมผัสกับอากาศร้อนเหงื่ออกมากหรือทำงานในโรงงานที่ต้องสัมผัสกับน้ำมัน ก็ล้วนทำให้เป็นได้มากขึ้นเช่นกัน
ยารักษาสิวมีทั้งยารับประทานและยาทา
ยาทาที่นิยมใช้มีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
1.ยาปฏิชีวนะประเภทคิริโทมัยซินนามิกและนลินดามัยซินนามิก เพื่อใช้ลดปริมาณ P.acnc ในรูขุมขน
2.เบนซอยล์เปอร์ออกไซด์นั้น นอกจากจะเป็นกลุ่มที่ช่วยลดปริมาณของ P.acnc ทีรูขุมขนแล้วยังช่วยละลายหัวสิวอีกด้วย แต่ยาทากลุ่มนี้มีหลายความเข้มข้นๆ ที่สูงจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย
3.กรดวิตามินเอ ยากลุ่มนี้จะช่วยให้มีการหลุดลอกของหัวสิวใช้ได้ดีในสิวชนิดไม่อักเสบ
ยารับประทานก็มี 4 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่
1. ยาปฏิชีวนะ
2. กรดวิตามินเอ
3. ฮอร์โมน แต่การใช้ควรอยู่ในความควบคุมของแพทย์เท่านั้น
เนื่องด้วยผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ฉะนั้นการใช้ยาที่กล่าวมาแล้วทั้ง 4 ชนิดนี้จึงต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของแพทย์